Trace Id is missing
ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก
Microsoft Security

การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลคืออะไร

เรียนรู้วิธีปกป้องข้อมูลของคุณไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม และจัดการข้อมูลที่ละเอียดอ่อนและมีความสำคัญต่อธุรกิจทั่วทั้งสภาพแวดล้อมของคุณ

คำจำกัดความของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลคือกลยุทธ์และกระบวนการรักษาความปลอดภัยที่ช่วยปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อนจากความเสียหาย การถูกโจมตี และการสูญหาย ภัยคุกคามต่อข้อมูลที่ละเอียดอ่อนนั้นรวมถึงการรั่วไหลและการสูญหายของข้อมูลด้วยเช่นกัน

การรั่วไหลของข้อมูลเป็นผลมาจากการเข้าถึงข้อมูล เครือข่าย หรืออุปกรณ์ขององค์กรโดยไม่ได้รับอนุญาตจากแหล่งที่มา เช่น การโจมตีทางไซเบอร์ ภัยคุกคามภายใน หรือความผิดพลาดของมนุษย์ นอกจากข้อมูลที่สูญหายแล้ว องค์กรของคุณอาจต้องเสียค่าปรับจากการละเมิดข้อกำหนด ต้องเผชิญกับการดำเนินการทางกฎหมายจากการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และได้รับความเสียหายระยะยาวต่อชื่อเสียงของแบรนด์ของคุณ

เหตุการณ์การสูญหายของข้อมูลคือการหยุดชะงักทั้งโดยเจตนาและโดยไม่เจตนาต่อการดำเนินงานตามปกติขององค์กรของคุณ ตัวอย่างเช่น แล็ปท็อปสูญหายหรือถูกขโมย ซอฟต์แวร์เสียหาย หรือไวรัสคอมพิวเตอร์แทรกซึมเข้าไปในเครือข่าย การมีนโยบายความปลอดภัยและการฝึกอบรมพนักงานของคุณให้รู้จักภัยคุกคามและวิธีตอบสนอง — หรือไม่ตอบสนอง — นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกลยุทธ์การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ

หลักการสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

หลักการสำคัญสองประการในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล คือ ความพร้อมใช้งานของข้อมูลและการจัดการข้อมูล

ความพร้อมใช้งานของข้อมูลช่วยให้พนักงานสามารถเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการดำเนินงานในแต่ละวันได้ การทำให้ข้อมูลพร้อมใช้งานอยู่เสมอนั้นช่วยให้องค์กรของคุณมีความต่อเนื่องทางธุรกิจและแผนกู้คืนระบบ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของแผนการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่อาศัยสำเนาข้อมูลสำรองที่จัดเก็บไว้ที่อื่น การเข้าถึงสำเนาข้อมูลเหล่านี้ช่วยลดเวลาหยุดทำงานให้กับพนักงานของคุณได้ และทำให้งานของพนักงานเป็นไปตามแผน

การจัดการข้อมูลครอบคลุมการจัดการวงจรชีวิตข้อมูลและการจัดการวงจรชีวิตสารสนเทศ

  • การจัดการวงจรชีวิตข้อมูลครอบคลุมการสร้าง การจัดเก็บ การใช้งาน การวิเคราะห์ และการเก็บถาวรหรือการกำจัดข้อมูล วงจรชีวิตนี้ช่วยให้แน่ใจว่าองค์กรของคุณปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง และคุณไม่ได้จัดเก็บข้อมูลโดยไม่จำเป็น
  • การจัดการวงจรชีวิตสารสนเทศคือกลยุทธ์ในการจัดประเภทและจัดเก็บข้อมูลที่ได้มาจากชุดข้อมูลขององค์กรของคุณ โดยมีวัตถุประสงค์คือเพื่อพิจารณาว่าข้อมูลมีความเกี่ยวข้องและถูกต้องเพียงใด

เหตุใดการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจึงสำคัญ

การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยให้องค์กรของคุณปลอดภัยจากการโจรกรรม การรั่วไหล และการสูญหายของข้อมูล ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้นโยบายความเป็นส่วนตัวที่เป็นไปตามกฎระเบียบและช่วยป้องกันความเสียหายต่อชื่อเสียงขององค์กร

กลยุทธ์การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกอบด้วยการตรวจสอบและการปกป้องข้อมูลภายในสภาพแวดล้อมของคุณ รวมถึงการคงไว้ซึ่งการควบคุมการมองเห็นและการเข้าถึงข้อมูลอย่างต่อเนื่อง

การพัฒนานโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลช่วยให้องค์กรของคุณสามารถกำหนดความเสี่ยงที่ยอมรับได้สำหรับข้อมูลทุกประเภท และปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องได้ นโยบายนี้ยังช่วยให้คุณสร้างการตรวจสอบสิทธิ์และการอนุญาตได้ โดยกำหนดว่าใครควรมีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลใดและเพราะเหตุใด

ประเภทของโซลูชันการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

โซลูชันการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลช่วยให้คุณตรวจสอบกิจกรรมทั้งภายในและภายนอก ตรวจจับพฤติกรรมการแชร์ข้อมูลที่น่าสงสัยหรือมีความเสี่ยง และควบคุมการเข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อน

  • การป้องกันการสูญหายของข้อมูล

    การป้องกันการสูญหายของข้อมูลคือโซลูชันการรักษาความปลอดภัยอย่างหนึ่งที่ช่วยให้องค์กรของคุณป้องกันการแชร์ การถ่ายโอน หรือการใช้งานข้อมูลที่ละเอียดอ่อนผ่านการดำเนินการต่างๆ เช่น การติดตามตรวจสอบข้อมูลที่ละเอียดอ่อนทั่วทั้งพื้นที่ข้อมูลของคุณ นอกจากนี้ยังช่วยให้แน่ใจว่าคุณปฏิบัติตามข้อบังคับและข้อกำหนดต่างๆ ด้วย เช่น Health Insurance Portability and Accountability Act (HIPAA) และข้อบังคับทั่วไปเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูล (GDPR) ของสหภาพยุโรป (EU)
  • การจำลองแบบ

    การจำลองแบบจะคัดลอกข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างและจัดเก็บสำเนาข้อมูลของคุณให้เป็นปัจจุบัน ซึ่งช่วยให้สามารถย้ายมายังข้อมูลนี้ได้ในกรณีที่ระบบหลักของคุณหยุดทำงาน นอกจากช่วยป้องกันการสูญหายของข้อมูลแล้ว การจำลองแบบยังช่วยให้มีข้อมูลพร้อมใช้งานจากเซิร์ฟเวอร์ที่ใกล้ที่สุดด้วย เพื่อให้ผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตสามารถเข้าถึงได้เร็วขึ้น การมีสำเนาข้อมูลขององค์กรที่ครบถ้วนสมบูรณ์จะช่วยให้ทีมของคุณมีทางเลือกในการดำเนินการวิเคราะห์โดยไม่ส่งผลต่อความต้องการข้อมูลในแต่ละวัน

  • ที่เก็บข้อมูลพร้อมการปกป้องในตัว

    โซลูชันการจัดเก็บข้อมูลควรคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล แต่ก็ยังอนุญาตให้คุณสามารถกู้คืนข้อมูลที่ถูกลบหรือถูกแก้ไขได้ด้วย ตัวอย่างเช่น ความซ้ำซ้อนหลายระดับช่วยปกป้องข้อมูลของคุณจากสิ่งต่างๆ เช่น บริการขัดข้อง ปัญหาฮาร์ดแวร์ และภัยธรรมชาติ การกำหนดรุ่นจะช่วยรักษาสถานะก่อนหน้าของข้อมูลของคุณเอาไว้ หากการเขียนทับสร้างข้อมูลรุ่นใหม่ขึ้นมา กำหนดค่าการล็อก เช่น อ่านอย่างเดียวหรือไม่สามารถลบได้ กับบัญชีที่เก็บข้อมูลของคุณ เพื่อช่วยป้องกันการลบโดยไม่ตั้งใจหรือโดยประสงค์ร้าย

  • ไฟร์วอลล์

    ไฟร์วอลล์ช่วยให้แน่ใจว่ามีเฉพาะผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงข้อมูลขององค์กรของคุณได้ ซึ่งทำงานโดยการตรวจสอบและกรองปริมาณการใช้งานตามกฎการรักษาความปลอดภัยของคุณ และช่วยบล็อกภัยคุกคามต่างๆ เช่น ไวรัสและแรนซัมแวร์ โดยทั่วไปแล้ว การตั้งค่าไฟร์วอลล์จะมีตัวเลือกในการกำหนดกฎขาเข้าและขาออก ระบุกฎการรักษาความปลอดภัยในการเชื่อมต่อ ดูบันทึกการตรวจสอบ และรับการแจ้งเตือนเมื่อไฟร์วอลล์ทำการบล็อกบางสิ่ง

  • การค้นพบข้อมูล

    การค้นพบข้อมูลคือกระบวนการค้นหาชุดข้อมูลที่มีอยู่ในองค์กรของคุณภายในศูนย์ข้อมูล แล็ปท็อป คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป อุปกรณ์เคลื่อนที่ต่างๆ และแพลตฟอร์มระบบคลาวด์ ขั้นตอนถัดไปคือการจัดหมวดหมู่ข้อมูลของคุณ (เช่น ทำเครื่องหมายว่าจำกัด ส่วนตัว หรือสาธารณะ) และตรวจสอบว่าเป็นไปตามข้อบังคับหรือไม่

  • การตรวจสอบสิทธิ์และการอนุญาต

    การควบคุมการตรวจสอบสิทธิ์และการอนุญาตช่วยตรวจสอบข้อมูลประจำตัวผู้ใช้และยืนยันว่าสิทธิ์ในการเข้าถึงถูกกำหนดและนำไปใช้อย่างถูกต้อง การควบคุมการเข้าถึงตามบทบาทคือตัวอย่างหนึ่งของการให้สิทธิ์การเข้าถึงเฉพาะผู้ที่ต้องใช้ในหน้าที่รับผิดชอบของตนเท่านั้น ซึ่งสามารถใช้ร่วมกับระบบบริหารจัดการตัวตนและการเข้าถึงทรัพยากรในการช่วยควบคุมสิ่งที่พนักงานเข้าถึงได้และเข้าถึงไม่ได้ เพื่อให้ทรัพยากรขององค์กร เช่น แอป ไฟล์ และข้อมูลมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น

  • การสำรองข้อมูล

    การสำรองข้อมูลคือการจัดการข้อมูลประเภทหนึ่ง การสำรองข้อมูลสามารถทำได้บ่อยเท่าที่ต้องการ (เช่น สำรองข้อมูลทั้งหมดทุกคืนและสำรองข้อมูลเพิ่มตลอดวัน) และช่วยให้คุณสามารถกู้คืนข้อมูลที่สูญหายหรือเสียหายได้อย่างรวดเร็วเพื่อลดเวลาหยุดทำงาน กลยุทธ์การสำรองข้อมูลทั่วไป ได้แก่ การบันทึกสำเนาข้อมูลของคุณไว้หลายชุด และการจัดเก็บชุดสำเนาทั้งหมดไว้ในเซิร์ฟเวอร์แยกต่างหากและจัดเก็บสำเนาอีกชุดไว้ในที่จัดเก็บนอกสถานที่ โดยกลยุทธ์การสำรองข้อมูลของคุณจะต้องสอดคล้องกับแผนการกู้คืนข้อมูลจากความเสียหาย

  • การเข้ารหัส

    การเข้ารหัสช่วยรักษาความปลอดภัย ความลับ และความถูกต้องของข้อมูลของคุณได้ วิธีนี้ใช้กับทั้งข้อมูลที่อยู่ระหว่างจัดเก็บและที่กำลังถ่ายโอน เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ที่ไม่ได้รับอนุญาตดูเนื้อหาไฟล์แม้ว่าจะเข้าถึงตำแหน่งของไฟล์ได้ก็ตาม ข้อความธรรมดาจะถูกแปลงเป็นข้อความเข้ารหัสที่อ่านไม่ได้ (กล่าวคือข้อมูลจะถูกแปลงเป็นรหัส) ซึ่งต้องใช้คีย์การถอดรหัสเพื่ออ่านหรือประมวลผลข้อความนั้น

  • การกู้คืนข้อมูลจากความเสียหาย

    การกู้คืนข้อมูลจากความเสียหายคือองค์ประกอบหนึ่งของการรักษาความปลอดภัยข้อมูล (InfoSec) ที่มุ่งเน้นวิธีที่องค์กรใช้ข้อมูลสำรองเพื่อกู้คืนข้อมูลและกลับสู่สภาพการทำงานปกติหลังจากเกิดภัยพิบัติ (เช่น ภัยธรรมชาติ อุปกรณ์ขนาดใหญ่ขัดข้อง หรือการโจมตีทางไซเบอร์) ซึ่งถือเป็นแนวทางเชิงรุกที่ช่วยให้องค์กรของคุณลดผลกระทบจากเหตุการณ์ที่คาดเดาไม่ได้ และตอบสนองต่อการหยุดชะงักทั้งที่คาดการณ์ไว้และที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

  • การปกป้องตำแหน่งข้อมูล

    ตำแหน่งข้อมูลคืออุปกรณ์จริงที่เชื่อมต่อกับระบบเครือข่าย เช่น อุปกรณ์เคลื่อนที่ คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป เครื่องเสมือน อุปกรณ์แบบฝัง และเซิร์ฟเวอร์ การปกป้องตำแหน่งข้อมูลช่วยให้องค์กรของคุณสามารถติดตามตรวจสอบอุปกรณ์เหล่านี้ได้ และช่วยป้องกันจากผู้คุกคามที่พยายามหาช่องโหว่หรือข้อผิดพลาดของมนุษย์และใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนด้านความปลอดภัยต่างๆ
  • สแนปช็อต

    สแนปช็อตคือมุมมองของระบบไฟล์ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง โดยจะรักษามุมมองนั้นไว้และติดตามการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังจากจุดนั้น โซลูชันการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้อ้างอิงตามอาร์เรย์การจัดเก็บข้อมูลที่ใช้ชุดไดรฟ์แทนเซิร์ฟเวอร์ โดยทั่วไปแล้ว อาร์เรย์จะสร้างแค็ตตาล็อกที่ชี้ไปยังตำแหน่งของข้อมูล สแนปช็อตหนึ่งจะคัดลอกอาร์เรย์และตั้งค่าข้อมูลเป็นแบบอ่านอย่างเดียว รายการใหม่จะถูกสร้างขึ้นในแค็ตตาล็อกนั้น พร้อมทั้งรักษาแค็ตตาล็อกเก่าเอาไว้ สแนปช็อตยังรวมถึงการกำหนดค่าระบบเพื่อกู้คืนเซิร์ฟเวอร์ด้วย

  • การลบล้างข้อมูล

    การลบล้างข้อมูลนี้หมายถึงการลบข้อมูลที่จัดเก็บไว้ซึ่งองค์กรของคุณไม่ต้องใช้อีกต่อไปแล้ว กระบวนการนี้เรียกอีกอย่างว่าการล้างข้อมูลหรือการลบข้อมูล และมักเป็นข้อกำหนดทางกฎหมาย ตาม GDPR บุคคลมีสิทธิ์ที่จะขอให้ลบข้อมูลส่วนบุคคลของตนได้ สิทธิ์ในการลบนี้เรียกอีกอย่างว่า "สิทธิ์ที่จะถูกลืม"

การคุ้มครอง การรักษาความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัว

คำเหล่านี้อาจดูเหมือนเป็นคำที่ใช้แทนกันได้ แต่การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล และความเป็นส่วนตัวของข้อมูลนั้นต่างก็มีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันไป การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลครอบคลุมกลยุทธ์และกระบวนการรักษาความปลอดภัยที่องค์กรของคุณใช้เพื่อช่วยปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อนจากความเสียหาย การถูกโจมตี และการสูญหาย การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลเกี่ยวข้องกับความถูกต้องของข้อมูล และทำงานเพื่อป้องกันความเสียหายจากผู้ใช้ที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือภัยคุกคามภายใน ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลจะควบคุมผู้ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลของคุณได้ และช่วยกำหนดข้อมูลที่สามารถแชร์ให้กับบุคคลที่สาม

แนวทางปฏิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

แนวทางปฏิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกอบด้วยแผน นโยบาย และกลยุทธ์ต่างๆ ที่จะช่วยให้คุณควบคุมการเข้าถึงข้อมูล ติดตามตรวจสอบเครือข่ายและกิจกรรมการใช้งาน และตอบสนองต่อภัยคุกคามทั้งภายในและภายนอก

  • ปฏิบัติตามทุกข้อกำหนด

    แผนการกำกับดูแลที่ครอบคลุมจะช่วยระบุข้อกำหนดด้านกฎระเบียบและวิธีการนำไปใช้กับข้อมูลขององค์กรของคุณ ตรวจสอบว่าคุณสามารถมองเห็นข้อมูลทั้งหมดและจัดประเภทข้อมูลได้อย่างถูกต้อง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณปฏิบัติตามข้อบังคับด้านความเป็นส่วนตัวในอุตสาหกรรมของคุณ

  • จำกัดการเข้าถึง

    การควบคุมการเข้าถึงใช้การตรวจสอบสิทธิ์เพื่อตรวจสอบว่าผู้ใช้เป็นใคร และให้สิทธิ์อนุญาตเพื่อกำหนดข้อมูลที่บุคคลดังกล่าวได้รับอนุญาตให้ดูและนำไปใช้ได้ ในกรณีที่เกิดการรั่วไหลของข้อมูล การควบคุมการเข้าถึงคือหนึ่งในนโยบายแรกๆ ที่ต้องพิจารณาเพื่อตรวจสอบว่ามีการใช้งานและการบำรุงรักษาอย่างเหมาะสมหรือไม่

  • กำหนดนโยบายการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์

    นโยบายการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์จะช่วยกำหนดและชี้นำกิจกรรมด้านไอทีต่างๆ ภายในองค์กรของคุณ ซึ่งช่วยให้พนักงานตระหนักถึงภัยคุกคามทั่วไปต่อข้อมูลของคุณ และช่วยให้พนักงานระมัดระวังในเรื่องความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น ทั้งยังช่วยชี้แจงกลยุทธ์การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของคุณและส่งเสริมวัฒนธรรมการใช้ข้อมูลอย่างมีความรับผิดชอบอีกด้วย

  • ตรวจสอบกิจกรรม

    การติดตามและการทดสอบอย่างต่อเนื่องช่วยให้คุณสามารถระบุความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ ใช้ AI และดำเนินการตรวจสอบข้อมูลโดยอัตโนมัติเพื่อตรวจจับภัยคุกคามอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ระบบเตือนภัยล่วงหน้านี้จะแจ้งเตือนคุณถึงปัญหาด้านข้อมูลและด้านการรักษาความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นก่อนที่จะสร้างความเสียหาย

  • พัฒนาแผนการตอบสนองต่อเหตุการณ์

    การมีแผนการตอบสนองต่อเหตุการณ์ก่อนที่จะเกิดการรั่วไหลของข้อมูลช่วยให้คุณพร้อมที่จะดำเนินการได้ทันที ซึ่งจะช่วยทีมตอบสนอง (เช่น หัวหน้าฝ่ายไอที, ฝ่าย InfoSec และหัวหน้าฝ่ายสื่อสาร) สามารถรักษาความถูกต้องของระบบเอาไว้ และทำให้องค์กรของคุณกลับมาทำงานโดยเร็วที่สุด

  • ระบุความเสี่ยง

    พนักงาน ผู้ให้บริการ ผู้รับเหมา และคู่ค้าต่างมีข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูล ระบบคอมพิวเตอร์ และหลักปฏิบัติด้านการรักษาความปลอดภัยของคุณ ในการระบุการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาตและช่วยป้องกันจากการใช้งานในทางที่ผิด คุณต้องรู้ว่าคุณมีข้อมูลใดอยู่บ้างและข้อมูลนั้นมีการนำไปใช้อย่างไรในพื้นที่ดิจิทัลของคุณ

  • ปรับปรุงการรักษาความปลอดภัยของที่เก็บข้อมูล

    การรักษาความปลอดภัยให้กับที่เก็บข้อมูลใช้วิธีการต่างๆ เช่น การควบคุมการเข้าถึง การเข้ารหัส และการรักษาความปลอดภัยตำแหน่งข้อมูล เพื่อรักษาความถูกต้องและความลับของข้อมูลที่จัดเก็บไว้ของคุณ นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงของความเสียหายทั้งโดยตั้งใจและโดยไม่ตั้งใจ และช่วยให้ข้อมูลของคุณพร้อมใช้งานอยู่เสมอ

  • ฝึกอบรมพนักงานของคุณ

    ความเสี่ยงภายในไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตามนั้นเป็นสาเหตุหลักของการรั่วไหลของข้อมูล แจ้งนโยบายการปกป้องข้อมูลของคุณให้พนักงานทุกระดับทราบอย่างชัดเจนเพื่อช่วยให้พนักงานปฏิบัติตาม ทำการฝึกอบรมซ้ำบ่อยๆ ผ่านเซสชันทบทวน และให้คำแนะนำเมื่อเกิดปัญหาใดปัญหาหนึ่งโดยเฉพาะ

การปฏิบัติตามข้อบังคับและกฎหมายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ทุกองค์กรต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน กฎหมาย และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ภาระผูกพันทางกฎหมายรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการรวบรวมเฉพาะข้อมูลที่คุณต้องใช้จากลูกค้าหรือพนักงาน การรักษาความปลอดภัยให้กับข้อมูล และการกำจัดข้อมูลอย่างเหมาะสม ตัวอย่างกฎหมายความเป็นส่วนตัวมีดังต่อไปนี้

GDPR คือกฎหมายความเป็นส่วนตัวและการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่เข้มงวดที่สุด กฎหมายนี้ร่างขึ้นและผ่านการอนุมัติโดยสหภาพยุโรป แต่องค์กรต่างๆ ทั่วโลกมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามหากมีการกำหนดเป้าหมายหรือรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากพลเมืองหรือผู้อยู่อาศัยในสหภาพยุโรป หรือนำเสนอสินค้าและบริการให้แก่บุคคลกลุ่มดังกล่าว

กฎหมายความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภคในแคลิฟอร์เนีย (CCPA) ช่วยรักษาสิทธิ์ความเป็นส่วนตัวให้กับผู้บริโภคในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งรวมถึงสิทธิ์ในการทราบเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลที่ธุรกิจรวบรวมและวิธีการใช้และแชร์ข้อมูลนั้น สิทธิ์ในการลบข้อมูลส่วนบุคคลที่รวบรวมจากผู้บริโภค และสิทธิ์ไม่ยอมให้ขายข้อมูลส่วนบุคคลของผู้บริโภค

HIPAA ช่วยปกป้องข้อมูลด้านสุขภาพของผู้ป่วยไม่ให้ถูกเปิดเผยโดยที่ผู้ป่วยไม่ทราบหรือไม่ยินยอม กฎความเป็นส่วนตัวของ HIPAA ช่วยปกป้องข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคล และออกมาเพื่อให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของ HIPAA กฎการรักษาความปลอดภัยของ HIPAA ช่วยปกป้องข้อมูลสุขภาพที่ระบุตัวตนได้ซึ่งผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพสร้าง ได้รับ เก็บรักษา หรือส่งต่อทางอิเล็กทรอนิกส์

Gramm-Leach-Bliley Act (GLBA) หรือที่เรียกว่ากฎหมายการปรับปรุงบริการทางการเงินให้ทันสมัยแห่งปี 1999 กำหนดให้สถาบันการเงินต้องอธิบายแนวทางปฏิบัติของตนในการแชร์ข้อมูลแก่ลูกค้าและปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อน

คณะกรรมาธิการการค้าแห่งสหพันธรัฐคือองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคหลักในสหรัฐอเมริกา กฎหมายคณะกรรมาธิการการค้าแห่งสหพันธรัฐประกาศแจ้งถึงวิธีการแข่งขันที่ผิดกฎหมายและไม่เป็นธรรม รวมถึงการกระทำหรือการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมหรือเป็นการหลอกลวงซึ่งส่งผลต่อการค้า

เนื่องจากกลยุทธ์และกระบวนการต่างๆ นั้นเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ จึงมีแนวโน้มบางอย่างของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่องค์กรของคุณควรทราบ แนวโน้มเหล่านี้ประกอบด้วยการปฏิบัติตามกฎข้อบังคับ การจัดการความเสี่ยง และการพกพาข้อมูล

  • ข้อบังคับเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

    GDPR ได้กลายเป็นเกณฑ์มาตรฐานของวิธีการที่ประเทศอื่นๆ รวบรวม เปิดเผย และบันทึกข้อมูลส่วนบุคคล นับตั้งแต่เปิดตัวเป็นต้นมา CCPA ในสหรัฐอเมริกา (แคลิฟอร์เนีย) และกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไปในบราซิลก็เข้ามามีบทบาทเพื่อให้ทันกับการขยายตัวของผู้บริโภคออนไลน์ รวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการส่วนบุคคลด้วย

  • การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของอุปกรณ์เคลื่อนที่

    การป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าถึงเครือข่ายของคุณนั้นรวมถึงการปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อนซึ่งจัดเก็บไว้ในอุปกรณ์พกพาด้วย เช่น แล็ปท็อป แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยใช้การตรวจสอบข้อมูลประจำตัวเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้อุปกรณ์ถูกบุกรุก

  • สิทธิ์เข้าถึงที่น้อยลงสำหรับบุคคลที่สาม

    การรั่วไหลของข้อมูลมักมีสาเหตุมาจากบุคคลที่สาม (เช่น ซัพพลายเออร์ คู่ค้า และผู้ให้บริการ) ที่เข้าถึงเครือข่ายและข้อมูลขององค์กรมากเกินไป การจัดการความเสี่ยงของบุคคลที่สามคือการหาแนวทางในการปฏิบัติตามกฎระเบียบเพื่อจำกัดวิธีที่บุคคลที่สามเข้าถึงและใช้งานข้อมูล

  • การจัดการข้อมูลสำเนา

    การจัดการข้อมูลสำเนาจะตรวจจับข้อมูลที่ซ้ำกัน เปรียบเทียบข้อมูลที่คล้ายกัน และอนุญาตให้องค์กรของคุณสามารถลบสำเนาข้อมูลที่ไม่ได้ใช้ โซลูชันนี้ช่วยลดความไม่สอดคล้องกันที่เกิดจากข้อมูลซ้ำ ลดค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บ และช่วยรักษาความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนด

  • การพกพาข้อมูล

    ในช่วงแรกของการประมวลผลแบบคลาวด์ การพกพาข้อมูลและการย้ายชุดข้อมูลขนาดใหญ่ไปยังสภาพแวดล้อมอื่นนั้นเป็นเรื่องยาก แต่ปัจจุบัน เทคโนโลยีระบบคลาวด์ช่วยให้พกพาข้อมูลได้ง่ายขึ้น ทำให้องค์กรสามารถย้ายข้อมูลไปมาระหว่างสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้ ตัวอย่างเช่น จากศูนย์ข้อมูลในองค์กรไปยังระบบคลาวด์สาธารณะ หรือระหว่างผู้ให้บริการระบบคลาวด์แต่ละราย

  • การกู้คืนจากความเสียหายในฐานะบริการ

    การกู้คืนจากความเสียหายในฐานะบริการช่วยให้องค์กรทุกขนาดสามารถใช้บริการระบบคลาวด์ที่คุ้มค่าในการจำลองระบบของตนและกู้คืนการดำเนินงานหลังจากเหตุการณ์ภัยพิบัติได้ ซึ่งช่วยมอบความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับขนาดได้ของเทคโนโลยีระบบคลาวด์ และถือเป็นโซลูชันที่มีประสิทธิภาพในการหลีกเลี่ยงการหยุดให้บริการ

การค้นพบและการจัดประเภทข้อมูล

การค้นพบข้อมูลและการจัดประเภทข้อมูลเป็นกระบวนการแยกกันที่ทำงานร่วมกัน เพื่อให้มองเห็นข้อมูลขององค์กรของคุณ เครื่องมือการค้นพบข้อมูลจะสแกนพื้นที่ดิจิทัลทั้งหมดของคุณเพื่อค้นหาว่าข้อมูลที่มีโครงสร้างและไม่มีโครงสร้างอยู่ที่ใดบ้าง ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกลยุทธ์การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ การจัดประเภทข้อมูลจะจัดระเบียบข้อมูลจากกระบวนการค้นพบข้อมูลตามประเภทไฟล์ เนื้อหา และเมตาดาต้าอื่นๆ ซึ่งช่วยขจัดข้อมูลซ้ำ รวมถึงทำให้ค้นหาและดึงข้อมูลมาใช้ได้ง่าย

ข้อมูลที่ไม่มีการป้องกันถือเป็นข้อมูลที่มีช่องโหว่ การรู้ว่าคุณมีข้อมูลใดบ้างและจัดเก็บไว้ที่ใดจะช่วยให้คุณสามารถปกป้องข้อมูลได้โดยเป็นไปตามข้อกำหนดด้านการปฏิบัติตามข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลและการควบคุมข้อมูล

โซลูชันการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

โซลูชันการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลช่วยป้องกันข้อมูลสูญหายได้ และประกอบไปด้วยการรักษาความปลอดภัย การสำรองข้อมูล และการกู้คืน ซึ่งสนับสนุนแผนการกู้คืนข้อมูลจากความเสียหายขององค์กรของคุณโดยตรง

ลดความซับซ้อนของวิธีที่องค์กรของคุณใช้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูลที่ละเอียดอ่อน มองเห็นข้อมูลทั้งหมดของคุณ รับการป้องกันที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นสำหรับแอป ระบบคลาวด์ และอุปกรณ์ต่างๆ และจัดการข้อกำหนดด้านกฎระเบียบด้วยโซลูชัน Microsoft Security

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Microsoft Security

Microsoft Purview

สำรวจโซลูชันการกำกับกูแล การป้องกัน และการปฏิบัติตามข้อบังคับสำหรับข้อมูลขององค์กร

ช่วยป้องกันการสูญหายของข้อมูล

ระบุการแชร์ การถ่ายโอน หรือการใช้ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนที่ไม่เหมาะสมจากตำแหน่งข้อมูล แอป และบริการต่างๆ

การปกป้องข้อมูล

ช่วยปกป้องและกำกับดูแลข้อมูลของคุณด้วยโซลูชันอัจฉริยะ ครบวงจร และสามารถขยายได้ในตัว

การปฏิบัติตามข้อบังคับด้านการสื่อสาร

ใช้การเรียนรู้ของเครื่องเพื่อตรวจจับการละเมิดการสื่อสาร

คำถามที่ถามบ่อย

  • ตัวอย่างของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ได้แก่ การป้องกันความเสียหายจากความประสงค์ร้ายหรือจากอุบัติเหตุ การมีกลยุทธ์การกู้คืนจากความเสียหาย และการจำกัดการเข้าถึงให้กับผู้ที่ต้องใช้ข้อมูลเท่านั้น

  • วัตถุประสงค์ของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลคือการปกป้องข้อมูลขององค์กรของคุณจากการถูกบุกรุก การทำอันตราย และการสูญหาย

  • GDPR ระบุว่าบุคคลมีสิทธิ์และเสรีภาพขั้นพื้นฐานในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของตน ทุกองค์กรที่รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลต้องได้รับความยินยอมอย่างชัดแจ้งจากบุคคล และต้องมีความโปร่งใสเกี่ยวกับวิธีการใช้ข้อมูลนั้น

  • เครื่องมือการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกอบด้วยการค้นพบข้อมูล คลังข้อมูล การเข้ารหัส การลบล้างข้อมูล การจัดการการเข้าถึง และการรักษาความปลอดภัยตำแหน่งข้อมูล

  • ในการช่วยปกป้องข้อมูล ธุรกิจต่างๆ อาจเริ่มต้นด้วยการกำหนดนโยบายความปลอดภัยที่ระบุสิ่งต่างๆ เช่น การใช้งานที่ได้รับอนุมัติและการรายงานเหตุการณ์ การสำรองข้อมูลที่สำคัญ การอัปเดตซอฟต์แวร์ให้ทันสมัยอยู่เสมอ และการให้ความรู้แก่พนักงานเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ก็ถือเป็นการดำเนินการสำคัญที่ต้องทำเช่นกัน

ติดตาม Microsoft 365